ทำความรู้จัก “มาโน่ โพลกิ้ง” เป็นใคร มาจากไหน หลังเข้ามารับตำแหน่งกุนซือคุมทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย และสามารถพาทีมผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่
ข้อมูลส่วนตัว
- ชื่อ : อเล็กซานเดร โพลกิ้ง
- เกิด : 12 มีนาคม 1976 ที่ประเทศบราซิล
- อายุ : 46 ปี
- สัญชาติ : บราซิลเลียน/เยอรมัน
- ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร
“มาโน่” อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เกิดที่ประเทศบราซิล แต่มาเติบโตที่ประเทศเยอรมนี และเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังที่นี่ โดย มาโน่ เล่นในตำแหน่งปีก/กองกลางตัวรุก ผ่านการค้าแข้งกับกับสโมสรในเมืองเบียร์ อาทิ เฟาเอฟเบ บีเลเฟลด์, อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์, ดาร์มสตัดท์
จากนั้น มาโน่ ออกไปค้าแข้งที่ประเทศไซปรัส กับสโมสร โอลิมเปียกอส นิโคเซีย และ อาโปเอล นิโคเซีย ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2007 ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งในอาชีพการเป็นนักฟุตบอล มาโน่ ไม่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย
หลังจากแขวนสตั๊ด มาโน่ ผันตัวเข้าสู่บทบาทโค้ช เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยของ วินฟรีด เชเฟอร์ ที่สโมสร อัล ไอน์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และ เอฟซี บากู (อาเซอร์ไบจาน) กระทั่ง เชเฟอร์ ได้เข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย มาโน่จึงติดสอยห้อยตามมายังเมืองไทยด้วย เมื่อปี 2011
ทั้งนี้ เชเฟอร์ นั่งเก้าอี้แม่ทัพช้างศึกจนถึงปี 2013 ก็ถูกปลดพ้นตำแหน่ง เนื่องจากผลงานน่าผิดหวัง ก่อนที่ เชเฟอร์ จะได้ย้ายไปคุมทัพเมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ทว่าคราวนี้ “มาโน่” ไม่ได้ตามไปรับบทมือขวาของเชเฟอร์แล้ว โดยเขาได้รับโอกาสคุมทัพช้างศึกชุดเล็ก ทีมชาติไทยชุดยู-22 ในช่วงสั้นๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตกรอบคัดเลือก ศึกยู-22 ชิงแชมป์เอเชีย 2013
หลังจากนั้น โพลกิ้ง หันมารับงานคุมสโมสรไทยลีก โดยนั่งเก้าอี้กุนซือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด และสามารถพาทีมทำผลงานได้ดีเกินคาด จบอันดับ 6 ของศึกไทยลีก 2013 นั่นทำให้ฤดูกาลต่อมา เขาถูกดึงตัวไปคุมทัพ สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ มาโน่ ร่วมงานกับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกเด้งตกเก้าอี้ เหตุเพราะผลงานไม่เป็นไปตามเป้าของสโมสร
อย่างไรก็ตาม มาโน่ ว่างงานได้ไม่นาน เขาเก็บกระเป๋ามาเซ็นสัญญากับ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในช่วงเลกสอง ของศึกไทยลีก 2014 และ “มาโน่” ก็กลายเป็นหนึ่งในโค้ชระดับ “ตำนาน” ของทีมแข้งเทพเลยก็ว่าได้ เพราะเขานั่งเก้าอี้กุนซือของทรู แบงค็อก นานถึง 7 ปี และช่วยยกระดับทีมให้ก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรในกลุ่มลุ้นแชมป์ พร้อมกับสไตล์การเล่นสุดเอนเตอร์เทนแฟนบอล เรียกว่าเกมรุกยิงกระจุย แต่เกมรับก็เสียประตูกระจายเช่นกัน
อย่างไรก็ดี มาโน่ เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เพราะสุดท้ายแล้ว เขามักจะอกหักจบด้วยการเป็น “พระรอง” เสมอ โดย มาโน่ พาทีมได้รองแชมป์ไทยลีก 2 สมัยในปี 2016, 2018 และรองแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ ปี 2017 นั่นหมายความว่า มาโน่ ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย ทั้งที่สโมสรลงทุนคว้าตัวสตาร์ดังเข้าสู่ทีมแทบทุกปี จนในที่สุด มาโน่ และ ทรู แบงค็อก ก็แยกทางกันไปเมื่อเดือนต.ค. 2020
ต่อมาในเดือนธ.ค. 2020 มาโน่ เซ็นสัญญาคุมทัพ โฮจิมินห์ ซิตี้ สโมสรในศึกฟุตบอลวีลีก ประเทศเวียดนาม แต่ผลงานก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด โดยพาทีมชนะเพียงแค่ 4 จาก 12 นัด ก่อนที่ศึกฟุตบอลวีลีกจะถูกตัดจบฤดูกาลในเวลาต่อมา เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และสัญญาของ มาโน่ กับ โฮจิมินห์ ก็สิ้นสุดลงตรงนั้น
จนกระทั่งล่าสุด มาโน่ ได้คัมแบ็กสู่วงการลูกหนังเมืองไทยอีกครั้ง และเป็นการกลับมารับงานใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ เมื่อถูกแต่งตั้งเป็น “กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่” เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2021 โดยเบื้องต้นเป็นการเซ็นสัญญาระยะสั้นคุมทัพลุยศึก “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ มาโน่ มีเวลาเตรียมทีมแค่ประมาณ 2 เดือน และนักเตะก็มีเวลารวมตัวฝึกซ้อมกันจริงๆ จังๆ เพียงแค่สัปดาห์เดียวก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับมีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องฝีไม้ลายมือของมาโน่ เพราะตลอดอาชีพกุนซือที่ผ่านมา เขาไม่เคยประสบความสำเร็จพาทีมคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลยแม้แต่รายการเดียว
แต่ในที่สุด ผลงานในสนามก็เป็นบทพิสูจน์ทุกอย่าง เมื่อ มาโน่ สามารถลบคำสบประมาท พาทัพ “ช้างศึก” โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนผงาดคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2020 ได้สำเร็จตามเป้าหมาย หลังจากชนะอินโดนีเซีย ด้วยสกอร์รวม 6-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งนับเป็นแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 6 ของทีมชาติไทย มากที่สุดในชาติอาเซียนทั้งหมด และเป็นแชมป์แรกในชีวิตของ มาโน่ อีกด้วย
จากผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้ มาโน่ ได้รับการต่อสัญญาคุมทีมชาติไทยต่อไปจนถึงปี 2023 และได้รับโอกาสให้คุมทีมชาติไทยชุดยู-23 ลุยศึกฟุตบอลซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม แต่อกหักได้เพียงเหรียญเงิน หลังจากพ่ายต่อ “เจ้าภาพ” เวียดนาม 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ
กระทั่งมาถึงศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022” มาโน่ กลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง เมื่อสามารถพาทีมชาติไทยป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะคู่รักคู่แค้นอย่างทีมชาติเวียดนามไปด้วยสกอร์รวม 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศ และเป็นการครองตำแหน่งเจ้าอาเซียนได้เป็นสมัยที่ 7 อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับเป็นกุนซือคนที่ 3 ที่สามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการนี้ได้ถึง 2 สมัย ต่อจาก ปีเตอร์ วิธ (2000, 2002) และ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (2014, 2016)